หูฟังจากทาง Final Audio ในรุ่น B1

นั้นจะเป็นหูฟังในซีรีย์ B ซึ่งเป็นซีรีย์ล่าสุดของแบรนด์ครับ โดยในรุ่นนี้จะใช้ไดร์เวอร์แบบไฮบริด และมีดีไซน์และวัสดุที่ดูโดดเด่นและหรูหราครับ

รูปลักษณ์ภายนอก

Final Audio B1 นั้นเป็นหูฟังชนิด in ear สวมใส่แบบคล้องใบหูครับ ในส่วนของบอดี้นั้นจะทำจากสแตนเลสผ่านกรรมวิธี Metal Injection Molding (MIM) ซึ่งทำให้ได้รูปทรงตามที่ต้องการ ผ่านการชุบสีทองโรสโกลด์เพิ่มความหรูหรา โดยออกแบบเน้นเหลี่ยมมุม แต่ยังคงสวมใส่ได้อย่างกระชับ เพราะทาง Final Audio ได้ออกแบบจุดยึดถึง 3 จุดด้วยกัน ซึ่งมีข้อดีคือช่วยให้สวมใส่ได้นาน ไม่เจ็บหูครับ ตัวขั้วหูฟังเป็นแบบชนิด MMCX ออกแบบโครงสร้างโดยทาง Final Audio เอง ร่วมกับสายหูฟังชนิดทองแดงความบริสุทธิ์สูง ชุบด้วยเงิน ตัวสายนั้นผลิตโดยน Junkosha corporation ที่ผลิตสายสัญญาณชนิด coaxial ให้กับ supercomputer "KEI" นั่นเอง หุ้มฉนวนด้วย PFA และชั้นนอกสุดนั้นใช้เป็น PVC ที่มีความยืดหยุ่นสูงครับ 

อุปกรณ์ภายในกล่อง

  • Final Audio B1
  • Hook สำหรับคล้องหู
  • กระเป๋าสำหรับพกพา
  • จุกหูฟัง ไซส์ XS, S, M, L, XL

การใช้งาน

สำหรับหูฟัง Final Audio B1 นั้นจะออกแบบให้สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ต่างๆเช่นสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องต่อแอมป์เพิ่มเลยครับ

ภายในของ Final Audio B1 นั้นจะใช้ไดร์เวอร์ชนิดไฮบริด ซึ่งเป็นลูกผสมระหว่าง ไดร์เวอร์ Balanced Armature จำนวน 1 ตัวและไดร์เวอร์ Dynamic อีก 1 ตัวครับ โดยจะทำงานร่วมกัน เพื่อให้เสียงครอบคลุมทุกย่านเสียง และตอบสนองความถี่ได้ดีกว่าการใช้ไดร์เวอร์แบบใดแบบหนึ่งเพียงอย่างเดียว

คุณภาพเสียง

ย่านเสียงต่ำ : เบสของ B1 นั้นมีปริมาณที่พอดี เป็นลูกที่ชัดขนาดกลาง ๆ ให้เนื้อเบสเข้มข้นจับต้องได้ง่าย เด่นย่าน Upper และ Deep เป็นพิเศษ ซึ่งเป็นเบสที่ฟังได้ดีทั้งเพลงช้า และ เพลงเร็ว ตำแหน่งของเสียงนั้นอยู่ลึกลงไปด้านล่าง ไม่ขึ้นไปแตะในย่านเสียงกลางแม้แต่น้อย และ ยังคุมจังหวะได้ดีมาก ๆ อีกด้วย ใครที่ชอบสไตล์เบสที่รับรู้ถึงแรงสั่นได้ดีจะต้องชอบอย่างแน่นอนครับ
เสียงกลาง : ย่านเสียงกลางให้ความคมชัด เนื้อเสียงที่ได้นั้นจะมีความเนียนไร้สากเสี้ยน วางตำแหน่งของเสียงกีตาร์ และ เสียงคนร้องได้อย่างเหมาะสม ไม่รุกเร้า หรือ มีอาการเสียงพุ่งแม้แต่น้อย จึงช่วยให้ฟังได้แบบไม่รู้สึกล้าหูเร็วครับ 
เสียงร้อง : B1 นั้นจะให้คำร้องที่ชัดถ้อยชัดคำ มีมวลเสียงร้องที่อยู่ในโทนอุ่น สามารถถ่ายทอดรายละเอียดของคำร้องออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ถือว่าเป็นเสียงร้องที่ดูสมบูรณ์เนื่องจากให้หางเสียงที่ลากไปได้ยาว ไม่โดนตัดทอนออกไป และ เป็นเสียงที่ไม่เร่งรีบ ให้บรรยากาศในการฟังที่ดูผ่อนคลายครับ 
เวทีเสียง : เวทีเสียงนั้นมีขนาดกลาง แต่ให้เวทีทางด้านลึกที่ดี จึงดูมีมิติ ไม่รู้สึกแบนราบ ทางด้านการโฟกัสนั้นต้องรอให้พ้นช่วงเบิร์นอินแล้วจะโฟกัสเสียงได้ชัดขึ้นอีกครับ

สรุปเกี่ยวกับหูฟัง Final Audio B1

โดยรวมแล้ว Final Aidop B1 นั้นเป็นหูฟังที่มีความโดดเด่นในย่านเบสที่ลงได้ลึกมากๆ พร้อมรายละเอียดแบบจัดเต็ม โดยในส่วนของเสียงร้องหรือปลายแหลมก็ไม่กุดด้วนแต่อย่างใดครับ


อุปกรณ์ภายในกล่อง

Housing: Stainless steel mirror-finished (Rose Gold)

Driver: 1 Dynamic +1BA (Networkless)

- Connector:  MMCX

- Cable: OFC silver coated cable

- Sensitivity: 94dB

- Impedance: 13Ω

- Weight: 36g

- Cord length: 1.2m

หากจะพูดถึงหูฟังที่เป็นแบรนด์ชั้นนำจากฝั่งเอเชีย นักเล่นหูฟังหลาย ๆ ท่าน อาจจะรู้จักแบรนด์ FINAL AUDIO หรืออาจจะเคยใช้งานกันมาบ้างแล้ว แต่ก็อีกเช่นกันหลายท่านที่เพิ่งจะเข้ามาสู่วงการหูฟังก็อาจจะรู้สึกว่านี่มันแบรนด์อะไร ไม่รู้จัก ไม่คุ้นเลย มาครับ บทความนี้ผมจะพาทุกท่านมารู้จัก FINAL AUDIO และแนะนำแบรนด์ให้ทุกท่านได้รับชมกัน

::: ทำความรู้จักกันก่อน :::

ต้นกำเนิดแบรนด์ FINAL AUDIO นั้น ก่อกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ.1974 โดย Kanemori Takai ซึ่งในยุคแรกเริ่มนั้น ทางแบรนด์ก็ได้ออกแบบสินค้าชิ้นแรกมาวางจำหน่าย ได้แก่ แอมป์ ไปจนถึงลำโพงแบบเต็มระบบ  ที่สร้างสรรค์ผลงานการออกแบบหูฟัง และเสียงขั้นสุดมาอย่างมากมาย ซึ่งตัวแบรนด์เองนั้นมีหูฟังที่ไล่ระดับตั้งแต่กลุ่มนักฟังเพลงที่เริ่มต้น ไปจนถึงกลุ่มนักฟังหูทอง นั่นเอง

หากถามว่า FINAL AUDIO นั้น มีอะไรน่าสนใจบ้างต้องบอกเลยว่า เยอะมาก ๆ ตั้งแต่หูฟัง Truly Wireless ไปจนกระทั่งหูฟังราคาหลักแสนที่เน้นประสิทธิผลแห่งดนตรี และคุณภาพงานแต่ละชิ้นต้องบอกเลยว่าคือที่สุดแห่งการออกแบบอย่างแท้จริง 

::: ก้าวเข้าสู่ยุคปัจจุบัน :::

เนื่องจากการเป็นบริษัทลูกที่อยู่ในเครือ ในปี ค.ศ.2014 ประธานคนปัจจุบันของแบรนด์ก็ได้เข้าซื้อหุ้น และกิจการทั้งหมดของ S'NEXT Co., Ltd. และแยกออกมาเป็นอิสระไม่ต้องอยู่ภายใต้ร่มเงาของ Molex LLC อีกต่อไป ทำให้สามารถคิดค้นผลิตภัณฑ์ และนำเข้าเครื่องเสียงจากต่างประเทศ ในปี ค.ศ. 2017 และในปี ค.ศ. 2021 ก็ได้เปลี่ยนชื่อบริษัทให้เป็นที่จดจำในวงการหูฟังชั้นแนวหน้าของโลก Final Co., Ltd. และตำแหน่งที่ตั้งของบริษัทในปัจจุบันนี้จะอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ณ เมืองคาวาซากิ จังหวัดคานากาว่า ครับ

::: แนะนำ FINAL AUDIO B SERIES :::

แน่นอนว่ามั่นคง ไม่ได้มาชวนให้ท่านรู้จักแต่บริษัท แต่วันนี้ผมได้นำหูฟังที่เรียกว่าหลายคนก็ยังให้ความสนใจ แม้ว่าจะผลิตออกมาในระยะเวลาที่พอสมควรแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีความน่าสนใจไม่เสื่อมคลาย กับ B SERIES หูฟัง INEAR สุดปราณีตจากค่ายนี้ และในครั้งนี้ผมจะนำมาเสนอให้ชมกันทั้ง 3 รุ่น ทั้งพี่ใหญ่ พี่กลาง น้องเล็ก จะน่าค้นหาแค่ไหน เรามาเริ่มไปพร้อมกันเลยครับ  และนี่คือหน้าตาอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตระกูล B ที่ไม่มีใครเหมือน ด้วยรูปทรง Polygon 

::: FINAL AUDIO B2 :::

น้องเล็กประจำตระกูลแต่ชื่อไม่เรียง 555 ซึ่ง B2 นั้น ชุดขับเสียงภายในนั้น จะประกอบไปด้วย 1 Balanced Armature แต่ยังคงให้โทนเสียงที่โดดเด่น เพราะเป็นการเลือกใช้เป็นแบบ Full Range ที่ถ่ายทอดอารมณ์เสียงออกมาได้ครบทุกย่าน และตัวหูฟังนั้นยังมาพร้อมการเชื่อมต่อแบบถอดสายได้ ด้วยพินแบบ MMCX ตามมาตรฐานสากลนั่นเอง

B2 Details

- วัสดุบอดี้ :  Stainless steel  Color Gunmetal 

- ชุดขับเสียง : Single Balanced Armature

- ขั้วเชื่อมต่อ : MMCX

- วัสดุนำสัญญาณสายเคเบิ้ล : OFC Black cable

- ค่าความไวเสียง : 109dB

- ค่าความต้านทาน :  41Ω

- น้ำหนัก : 32 กรัม

- ความยาวสายเคเบิ้ล : 1.2 เมตร

จากข้อมูลทางด้านบนนั้น จะเห็นได้ว่าแม้จะเป็นรุ่นน้องเล็กสุด แต่คุณภาพที่ให้ไม่ได้ด้อยไปกว่าใครเลย ในราคาที่น่าคบหาเพียงหมื่นต้น ๆ เท่านั้น และความสวยงามของรุ่นนี้จะมาในโทนสีบอดี้แบบ Gunmetal แบบด้าน ทำให้ไม่เกิดร่องรอยในการใช้งานได้ง่าย เรียกว่าใช้ลุยไปได้ทุก ๆ วันอย่างไม่ต้องกังวล

::: FINAL AUDIO B3 :::

พี่กลางสุดหล่ออย่าง B3 นั้น จะมาพร้อมกับชุดขับเสียงแบบ BALANCED ARMATURE จำนวน 2 ตัว ซึ่งสามารถใช้งานกับ Smartphone ได้ทันที

B3 Details 

- วัสดุบอดี้ : Stainless steel Color Frost Silver

- ชุดขับเสียง :  2 Balanced Armature (Networkless)

- ขั้วเชื่อมต่อ : MMCX

- วัสดุนำสัญญาณสายเคเบิ้ล : OFC silver coated cable

- ค่าความไวเสียง : 102dB

- ค่าความต้านทาน : 19Ω

- น้ำหนัก : 36 กรัม

- ความยาวสายเคเบิ้ล : 1.2 เมตร

โดยตัวบอดี้ของรุ่นพี่กลางอย่าง B3 นั้น ก็ยังเลือกใช้วัสดุแบบ Stainless Steel อีกเช่นกัน และยังทำสีของบอดี้มาในโทน Frost Silver ที่ดูสะอาดตาแบบสุด ๆ และไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังคงความ Classic และดูดีไว้คู่กายได้เสมอ และอีกหนึ่งอย่างที่ผมชื่นชอบก็คือสายเคเบิ้ลของรุ่นนี้ที่ดูสวยงามยิ่งขึ้น นับว่าเป็นสายที่พอได้จับสัมผัส จะค้นพบได้เลยว่าคุณภาพจัดเต็มจริง ๆ ในช่วงราคาที่หมื่นปลาย เมื่อเทียบกันกับน้องเล็กอย่าง B2

::: FINAL AUDIO B1 :::

มาถึงพ่อหล่อใหญ่ของเรากันแล้วครับ กับ B1 กับชุดขับเสียงแบบ Hybrid ที่ประกอบไปด้วย 1 Balanced Armature & 1 Dynamic ที่ให้น้ำเสียงเป็นธรรมชาติอย่างที่สุด และความน่าสนใจของรุ่นนี้ อาจจะเป็นที่ถูกใจสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความหรูหราอีกด้วย 

B1 Details

- วัสดุบอดี้ : Stainless steel mirror-finished Color Rosegold

- ชุดขับเสียง : 1BA (Networkless) & 1 Dynamic 

- ขั้วเชื่อมต่อ : MMCX

- วัสดุนำสัญญาณสายเคเบิ้ล : OFC silver coated cable

- ค่าความไวเสียง : 102dB

- ค่าความต้านทาน : 94dB

- น้ำหนัก : 36 กรัม

- ความยาวสายเคเบิ้ล : 1.2 เมตร

สี Rosegold มันสวยอร่ามสุด ๆ จริง ๆ นะ แต่ถ้ามองจาก Spac อาจจะเห็นได้ว่ารุ่นนี้จะกินกำลังขับขึ้นมาอยู่เล็กน้อย ด้วยค่าความไวเสียงที่น้อยกว่าในบรรดาพี่น้องทั้งหมดของตระกูล และบอดี้ก็ยังมาในวัสดุแบบเดียวกัน และความน่าสนใจของรุ่นนี้ในราคา สองหมื่นปลาย กับพี่น้องทั้งหมด รุ่นไหนจะตรงใจคุณ ตามต่อด้านล่างกันได้เลยครับ 

::: ลักษณะเสียงของ B Series :::

เริ่มเข้าสู่เรื่องของเสียงกันแล้ว ผมขอเริ่มจาก น้องเล็กอย่าง B2 กันก่อนเลย ตามลำดับ

B2 Character 

[ BASS ] ย่านเบสของ B2 จะเป็นเสียงเบสที่ฟังสนุกเอามาก ๆ เลยจริง ๆ ครับ เพราะมีความกระชับ และยังเก็บตัวไวซะอีกด้วย แต่มวลเบสจะไม่ลึกหรือหนามากเกินไป ทำให้สามารถฟังเพลงในสไตล์ Pop, Acoustic, Jazz, Instrumental, Mandopop ไปจนถึง Vocal ได้อย่างสบาย ๆ แต่ถ้าคุณเป็นสายชอบเสียงเบสที่ดูเป็นลูกหนา B2 อาจจะยังไม่ใช่ตัวเลือกของคุณในตอนนี้

 [ MID ] โดดเด่นด้วยคำร้อง และเนื้อเสียงที่เนียน ฟังสบาย โดยปลายเสียงของนักร้องนั้นจะไม่ถึงกับว่าจัดจ้าน แต่สามารถลากปลายเสียงไปได้ไกลพอตัว และยังมีความใส และกังวาล ทำให้เวลาที่ฟังเสียงนักร้องนั้น คุณจะเคลิ้มตามได้อย่างไม่ทันตั้งตัวได้ ที่น่าสนใจคือเสียงนักร้องจะขยับขึ้นมาทางด้านหน้าของเวที จึงได้คำร้องที่ชัดเจนทุกคำ

 [ TREBLE ] ปลายแหลม เสียงแหลมมีความชัดเจนมาก เรียกว่าถ้าคุณชื่นชอบรายละเอียดที่เก็บครบ ๆ ได้ความระยิบระยับของชิ้นดนตรีจำพวกเครื่องเป่า เครื่องสาย หรือเปียโนแล้วนั้นคุณจะอยากฟังจนไม่รู้ลืม เรียกว่าเป็นแหลมที่สะอาด แต่ในบางครั้งก็อาจจะทำให้ล้าหูได้ง่ายขึ้นเช่นกัน หากไฟล์เพลงนั้นอัดมาสเตอร์มาไม่ได้ดีพอ 

 [ SOUNDSTAGE ] สำหรับเวทีเสียงของ B2 นั้น เรียกว่ามาในขนาดกลางค่อนไปทางเล็กสักหน่อย แต่ก็ไม่ได้ถึงกับทำให้ผู้ฟังเกิดความอึดอัดแต่อย่างใดครับ โดยการวางชิ้นดนตรีนั้นจะขยับมาใกล้ ๆ กัน ช่องไฟไม่ได้กว้างมาก และยังสามารถสัมผัสชิ้นดนตรีได้อยู่ แม้บางชิ้นอาจจะโดนกลบไปบ้างแต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดขี้เหร่จนเสียอาการ ซึ่งจุดเด่นก็คือเสียงนักร้องนั่นเองที่ขยับขึ้นมาทางด้านหน้า ทำให้ผมที่ชื่นชอบฟังเพลง Pop ของนักร้องสาวจีน ชื่นชอบไปง่าย ๆ เลย

 

B3 Character 

 [ BASS ] สิ่งแรกที่เมื่อขยับเปบี่ยนมาฟัง B3 จะพบเลยว่าความนุ่มนวลนั้นมากขึ้นกว่า B2 เลยทันที แต่ยังมีความกระชับซุกซ่อนอยู่ เก็บตัวไม่ช้าจนเกินไป เรียกว่าเป็นเสียงเบสที่เพิ่มมวลมาให้ฟังง่ายยิ่งขึ้นไปอีกขั้น แต่ก็ไม่ได้ลึกถึงขนาดสัมผัสได้ถึงแรงดันอากาศภายในหูแบบหูฟังค่ายญี่ปุ่นแบรนด์อื่น ๆ ซึ่งรุ่นนี้จากที่ได้ทดลองฟังจะพบเลยว่าโทนเสียงที่ถ่ายทอดออกมานั้นจะไปในทาง B2 ก็จริง แต่รุ่นนี้เบสจะมีน้ำ มีนวล ทำให้ยังสามารถนำไปฟังสไตล์ Bossa ได้อีกด้วย แต่ Rock ก็พอไหวอยู่นะ เพราะความกระชับของเนื้อเสียงในย่านนี้มันยังคงความกระฉับ กระเฉง และมวลเบสดีกว่านั่นเอง

[ MID ] เสียงนักร้อง กับเสียงเครื่องดนตรี ชัดเจนขึ้นไปอีกสเต็ป ไม่มีอาการแหบแห้ง หรือเสียงกระด้างให้รู้สึกตะหงิดใจเลยแม้แต่นิดเดียว เรียกว่าสัมผัสแรกจาก B2 ได้ถูกอัปเกรดขึ้นไปอีกแล้ว ซึ่งในเพลง Playlist เดียวกันที่ผมได้ทำการเล่นวนเพื่อทดสอบ จะพบได้ว่าคำร้องที่ได้ บรรยากาศของเสียงกลางในภาพรวมจะสะอาด และเคลียร์กว่า แต่ความกังวาลจะลดทอนลงไปเล็กน้อยจาก B2 ซึ่งหากรุ่นนี้เสียงนักร้องจะติดหวานกว่าขึ้นเล็กน้อย

[ TREBLE ] ปลายแหลมที่ชัดเกินต้าน จนหลายเพลงอาจจะรู้สึกจิกไปนิด ๆ แต่ก็ยังฟังได้เพราะถือว่าเป็นสีสันทำให้เสียงไม่ดูจืดชืดจนเกินไป แต่ข้อสังเกตของรุ่นนี้นั้นหากลองตั้งใจจับรายละเอียดจริง ๆ จะพบว่ามันไม่แตกพร่าเหมือน B2 ในท่อนเสียงสูงที่ลากปลายไกล ๆ ถือว่าให้รายละเอียดได้ชัดเจนไม่แพ้กัน แต่ดีกว่าตรงการเก็บขอบเสียงไม่ให้แตกพร่า แต่ถ้าฟังไปนาน ๆ ก็อาจจะต้องพักหูกันบ้างนะครับ

[ SOUNDSTAGE ] เวทีเสียงใกล้เคียงกันกับ B2 แต่ว่าด้านกว้างนั้น ทำได้ดีกว่าอย่างชัดเจน เรียกว่าขอบเสียงเขยิบออกไปได้ไกลกว่าอีกหน่อย ทำให้มีพื้นที่สำหรับหายใจเพิ่มขึ้นมาอีกเปราะ ก็แปลว่าฟังได้ยาวนานยิ่งขึ้น ซึ่งเสียงนักร้องนั้นจะเริ่มมีการขยับขยายขึ้น ไม่ติดกับชิ้นดนตรีด้านข้าง ทำให้ฟังแล้วคล่องหูกว่าเยอะเลยจริง ๆ แต่ยังคงอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้กับตัวผู้ฟังเฉกเช่น B2 ล่ะครับ

 

B1

[ BASS ] ความเป็นลูกที่ชัดเจน ความละมุนที่เสริมเข้ามาจาก Dynamic Driver มันช่วยให้คล่องหูมากขึ้นจริง ให้เสียงเบสที่จับต้องได้แบบผิดแผกแปลกจากน้อง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหัวโน๊ตของเสียงเบส ไปจนถึงความลึกของ Deep Bass ที่ลงไปถึงคอได้ สัมผัสแรงปะทะของอากาศได้อย่างชัดเจน ซึ่งสามารถถ่ายทอดออกมาเหมาะกับการฟังเพลงทั่วไปได้กว้างยิ่งขึ้น ซึ่งมวลเบสเป็นเสียงที่คอยกระทุ้ง พยุงจังหวะ และไม่ไปรบกวนเสียงเครื่องดนตรีอื่น ๆ บนเวที 

[ MID ] เสียงนักร้องที่ไม่พุ่งเท่ารุ่นน้อง แต่แลกมากับความสบายหูยิ่งขึ้น เรียกว่าตำแหน่งขยับลงไปจากหน้าเวที เปรียบเสมือนมีพื้นที่ให้ผู้ฟังมีอารมณ์ร่วมในเพลงจนลุกขึ้นมาเต้นได้แบบไม่เกรงใจนักร้อง 555 และเสียงนักร้องนั้นก็เนียนขึ้นลดความคมตรงปลายเสียงลงมา ทำให้ดนตรีน่าค้นหาและน่าสนใจที่จะฟังขึ้นไปอีกนั่นเอง และจุดเด่นที่ผมชื่นชอบมาก ก็เห็นจะเป็นเครื่องสายของดนตรี Jazz และ Guitar Acoustic ที่เป็นธรรมชาติและน่าฟังอย่างสุด ๆ โดยที่ความชัดเจนยังอยู่เพียงแต่ปรับให้ลงตัวมากขึ้น และมีความเป็นดนตรีที่สมจริงขึ้น สำหรับเสียงนักร้องนั้นจะมีเนื้อคำร้องที่หนาและดูอิ่มขึ้น ซึ่งทำให้ลืม B2 & B3 ไปชั่วขณะกันเลย

[ TREBLE ] ปลายเสียงแหลมของ B1 พี่ใหญ่ตัวนี้เรียกว่า เป็นเสียงที่สุขุมขึ้น ฟังสบายขึ้น ให้ความเนียนไม่คมจิกหูเท่าน้องทั้ง 2 แต่ยังคงความกังวาลของปลายที่สะท้อนให้ได้ยินอยู่อย่างดีเยี่ยม ให้บรรยากาศเสียงที่เหมาะกับการพักผ่อนด้วยดนตรีอย่างแท้จริง โดยปลายเสียงนั้นอาจจะไม่ได้ลากไปไกลเท่ากับ B3 แต่นั่นก็ไม่จำเป็นไปในทันที หากคุณชอบเสพอะไรที่มันคือดนตรีแบบสบาย ๆ B1 จะให้คุณได้ตามสไตล์ของพี่ใหญ่ที่ดูริชอย่างแท้จริง

[ SOUNDSTAGE ] เวทีเสียงในตระกูลนี้ พี่ใหญ่ก็ยังคงไม่ได้กว้างขวางอะไรมากเกินไปนัก แต่สิ่งที่คุณจะได้จากพี่ใหญ่ B1 นี้ คือมิติด้านลึก และด้านกว้างที่ให้บรรยากาศได้ไหลลื่นมากกว่า ความรู้สึกในการฟังจะมีเลเยอร์ยิ่งขึ้นอย่างรู้สึกได้ แถมยังจับสังเกตชิ้นดนตรีได้ง่ายยิ่งกว่าอีกด้วย

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับพี่น้องตระกูล B SERIES ที่ผมนำมาแนะนำให้รู้จักกันในวันนี้ ซึ่งครั้งนี้ผมอาจจะไม่ได้มาเปิดกล่อง หรือ Unbox ให้ทุกท่านได้ชมแบบรุ่นอื่น ๆ เพราะรุ่นนี้มีเข้ามาวางจำหน่ายสักระยะหนึ่งแล้ว แต่เนื่องด้วยก่อนหน้านี้มีสถานการณ์ Covid19 ที่มาลดทอนให้สินค้าเกิดสภาวะขาดตลาดไป เนื่องจากทางประเทศญี่ปุ่นก็ประสบปัญหาผู้ติดเชื้อที่สูงในช่วงปีที่แล้ว ซึ่งในตอนนี้สินค้ามีกลับเข้ามาให้ครบทั้ง SERIES เรียกว่ากลับมาครั้งนี้ ยังมาพร้อมกับ A SERIES ที่น้องเต้ สยามพารากอน ก็จะหยิบยกมาแนะนำเหมือนผมเช่นกัน ยังไงก็ฝากติดตามบทความของน้องรักผม และผลงานชิ้นต่อ ๆ ไปจากผม มาร์ช พารากอน ด้วยนะครับ สำหรับบทความนี้สวัสดีจ้าาา...

คะแนนรีวิว

0 / 5

แต้ม

(ทั้งหมด 0 รายการ)
(0)
(0)
(0)
(0)
(0)

รีวิวจากลูกค้า

เรียงจาก

ถาม - ตอบทีมงาน



สินค้าใกล้เคียง