1. Meze Audio ได้คัดเลือกวัสดุที่นำมาประกอบเป็น Liric ตัวนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบเป็นอย่างมาก ตัวหูฟังนั้นใช้ตัวโครงแบบ Magnesium Alloy ที่มีน้ำหนักเบาส่วนบริเวณอาร์มปรับระดับนั้นใช้เป็น Aluminum ที่แข็งแรงทนทาน 

ตกแต่งเพิ่มความหรูหราด้วยหนังแท้ที่บริเวณ Faceplate เสริมตัวโครงของก้านคาดศีรษะด้วย Spring Steel ที่มีความยืดหยุ่นสูง และหุ้มด้วยแพดหนังแท้สวยงาม ทำให้รูปลักษณ์ของ Liric นั้นมีความพรีเมี่ยมเป็นอย่างมาก และตัวหูฟังนั้นถูกประกอบขึ้นที่ประเทศโรมาเนียเลยทีเดียว 

2. ทาง Meze Audio นั้นยังได้ลบจุดอ่อนของหูฟังแบบ Closed-Back ไปได้อย่างหมดจดเลยครับ โดยในรุ่น Liric นี้สามารถสวมใส่ได้สบายเป็นอย่างมาก เริ่มต้นจากตัว Headband ในส่วนที่สัมผัสกับศีรษะนั้นใช้วัสดุเป็นผ้าตาข่ายบุนวมนุ่มภายใน 

ถูกจัดวางอยู่ในตำแหน่งที่พอดีกับศีรษะช่วยกระจายแรงกดทับได้อย่างยอดเยี่ยม อีกทั้งยังออกแบบทางเดินระบายอาการเป็นรูปเครื่องหมาย "+" ช่วยระบายความร้อนและความชื้นจากศีรษะได้เป็นอย่างดีทีเดียว 

นอกจากตัว Headband แล้ว ที่ตัว Earcup ของตัวหูฟังก็ยังออกแบบมาให้สวมใส่ได้สบายอีกเช่นกัน โดยตัว Earcup นั้นมีขนาดที่ใหญ่เพียงพอจึงครอบได้เต็มใบหูโดยที่ใบหูนั้นไม่ชนกับตัวไดรเวอร์ครับ 

เท่านั้นยังไม่พอทาง Meze Audio ยังได้ออกแบบระบบ Earpad Airflow ให้อากาศภายในนั้นไหลเวียนได้ทั่วทั้งตัว Earcup และยังสามารถเข้าไปสู่ตัว Earpad ได้โดยไม่ทำให้อะคูสติกของเสียงนั้นเสียไป 

จึงเป็นเหตุผลให้ตัวหูฟังนั้นไม่จำเป็นต้องมี Earcup ขนาดใหญ่จนเทอะทะครับ สุดท้ายแล้วยังสามารถระบายแรงดันภายในหูฟังขณะใช้งานได้ด้วย Pressure Equalization System ที่อยู่บริเวณ Faceplate ด้านนอกได้นั่นเอง ทำให้สามารถสวมใส่ Liric เพื่อใช้งานได้นานหลายชั่วโมงโดยไม่รู้สึกร้อนและล้าหูนั่นเองครับ 

3. ระบบภายในของ Liric นั้นก็นับว่าไม่ธรรมดาเลยล่ะครับ เพราะทาง Meze Audio นั้นร่วมมือกับทาง Rinaro จากประเทศยูเครนพัฒนาไดรเวอร์ Isodynamic รุ่นใหม่ในชื่อรหัส MZ4 ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น น้ำหนักเบาลงกว่ารุ่นที่อยู่ใน Elite และ Empyrean เสียอีกครับ 

โดยตัวไดอะแฟรมนั้นจะมาพร้อมกับ Voice Coil ถึง 2 แบบ ได้แก่ Switchback Coil และ Spiral Coil ที่ช่วยส่งให้ย่านเสียงต่ำกับย่านเสียงกลางสูงนั้นเดินทางตรงเข้าสู่หูชั้นในได้ง่ายโดยไม่โดนลดทอน คุณภาพของเสียงลงไปครับ 

โดยตัวไดรเวอร์ MZ4 นี้จะทำงานควบคู่กับเทคโนโลยี Phase-X™ ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ในการจัดการเฟสของเสียงให้มีความใกล้เคียงกับเสียงที่ถูกบันทึกมากที่สุด โดยจะได้พื้นที่ของเวทีที่ใหญ่โต กว้างขวาง มีตำแหน่งของชิ้นดนตรีที่ถูกต้องตามต้นฉบับครับ 

4. ในด้านการใช้งานนั้นถือว่าดีต่อใจมาก ๆ ครับ เพราะ Liric นั้นไม่ได้กินกำลังขับอะไรมากมายจึงไม่จำเป็นจะต้องมี Headphone Amplifier ขนาดใหญ่ครับ เพียงแค่มี Dac/Amp พกพาสักตัวก็เพียงพอต่อการขับเสียงของ Liric ให้ออกมาได้อย่างประสิทธิภาพแล้วล่ะครับ ซึ่งแตกต่างจากหูฟังแบบ Hi-End หลาย ๆ รุ่นที่จำเป็นจะต้องใช้ Headphone Amplifier ขนาดใหญ่ในการขับเสียงออกมาครับ 

5. รูปแบบของเสียงที่ถูกปรับจูนออกมาของทาง Liric นั้นมีความแตกต่างจากหูฟัง Full-Size ที่เป็น Closed-Back มากทีเดียวครับ เพราะให้เวทีเสียงที่กว้างขวาง มีช่องไฟที่ยอดเยี่ยมชิ้นดนตรีแต่ละชิ้นมีพื้นที่แสดงตัวได้อย่างชัดเจนโดยไม่เบียดกัน อีกทั้งยังให้บรรยากาศที่โปร่งโล่งเหมือนกับหูฟังแบบ Opened-Back เลยล่ะครับ 

เบสของ Liric นั้นจะเป็นเบสที่ตำแหน่งจะอยู่ลึกลงไปด้านล่าง มีช่วง Upper Bass ที่เด่นชัดส่วน Deep Bass นั้นก็มีมาให้ได้เห็นตามเพลงที่บันทึกมาเลยครับ การตอบสนองต่อย่านเสียงต่ำนั้นถือว่าทำได้ดีเพราะเก็บตัวได้ดี และมีจังหวะปะทะที่ชัดเจนไม่หม่นหมอง 

เสียงนักร้องนั้นจะตรงกลางพอดี ๆ โดยให้น้ำเสียงที่ฟังแบบผ่อนคลายเนื้อเสียงชัดกำลังดีสามารถฟังได้อย่างลื่นหูไม่ติดบางแม้แต่น้อยครับ ส่วนย่านเสียงสูงจะลอยตัวขึ้นไปได้จนสุด ให้เสียงที่สะอาดใส ปลายเสียงละเอียดทอดตัวได้ดีไร้อาการสากเสี้ยนและเสียงแหลมไม่โดดขึ้นมาจนเสียดหูครับ 


อุปกรณ์ภายในกล่อง

คะแนนรีวิว

0 / 5

แต้ม

(ทั้งหมด 0 รายการ)
(0)
(0)
(0)
(0)
(0)

รีวิวจากลูกค้า

เรียงจาก

ถาม - ตอบทีมงาน



สินค้าใกล้เคียง